ในยุคที่อาหารจานด่วนครองเมือง การรับประทานอาหารอย่างไม่ระมัดระวังและละเลยการออกกำลังกาย ทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีสิทธิ์พบกับปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและมีไขมันพอกพูนผิดตำแหน่ง ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังทำให้เกิดโรคอ้วนที่จะลิดรอนความมั่นใจและบุคลิกภาพให้หดหายไป
หลังจากประเมินค่า Body Mass Index จากน้ำหนักตัวกับส่วนสูงแล้ว จะทราบน้ำหนักตัวที่ต้องลด หลักการคือ ลดน้ำหนักมวลรวม และ ลดจำนวนไขมันส่วนเกิน (เฉพาะส่วน)
1. ออกกำลังกายแบบแอโรบิคให้ถึง Target Heart Rate ชีพจร 100-110 ครั้ง/นาที
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นลง, ลดปริมาณอาหารที่ไม่จำเป็น ไขมันสัตว์, เนย, แป้ง, น้ำตาล, ลดของหวาน, น้ำอัดลม
3. ยารับประทาน ในบางรายแพทย์จะพิจารณาให้รับประทานยาลดความอยากอาหารร่วมด้วย
4. การลดไขมันเฉพาะส่วน หรือลดเซลลูไลท์ (ไขมันส่วนเกิน, ผิวเปลือกส้ม) ด้วยการทำ Mesotherapy, Carboxy therapy
ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวไกล จนค้นพบเทคโนโลยีสลายไขมันรูปแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่าคาร์บ๊อกซี่เทอราปี ซึ่งสามารถขจัดไขมันและเซลลูไลท์เฉพาะส่วนด้วยวิธีการที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก โดยใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
คาร์บ๊อกซี่เธอราปี Carboxytherapy คือ การลดไขมันเฉพาะส่วนด้วยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่ละลายน้ำได้ดี สลายตัวได้เร็ว และพบว่าเมื่อฉีด ก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จะช่วยเพิ่มการขยายตัวของเส้นเลือดและทำให้เซลล์ไขมันสลายตัวและถูกกำจัดออก สามารถใช้การขจัดเซลลูไลท์ หรือลดไขมันเฉพาะส่วน เช่น บริเวณหน้าท้อง ใต้ท้องแขน สะโพก น่อง
ผู้ที่ทำ CarboxyTherapy ไม่ต้องพักฟื้นหลังการทำแต่อย่างใด สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันตามปกติทุกประการ หลังฉีดจะรู้สึกอุ่นบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย เมื่อคลำผิวบริเวณที่ฉีดจะได้ยินเสียงเหมือนมีก๊าซอยู่ใต้ผิว (Cracking) ระหว่างที่ปล่อยก๊าซจะนวดเบา ๆ เพื่อให้ก๊าชกระจายตัวสม่ำเสมอ และทำให้กระบวนการสลายตัวของเซลล์ไขมันดีขึ้น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เมื่อทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 5 ครั้ง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเครื่อง Carbonize จะส่งก๊าซ CO2 ผ่านเข้าสู่ผิวหนังของร่างกาย ในระดับที่เรารู้สึกตึงเล็กน้อย หรืออาจไม่รู้สึกอะไรเลย เนื่องจากใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมาก อีกทั้ง ยังมีตัวควบคุมแรงดันของก๊าซเมื่อลงสู่ชั้นผิว โดย PD-Safety จะทำให้ไม่เกิดแรงดันมากจนเกินไป เพื่อความปลอดภัย และยังมีระบบความคุมอุณหภูมิ (Temperature control) เพื่อให้ ก๊าซ CO2 ที่ผ่านสู่ชั้นผิว มีระดับอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกายเรา ทำให้เกิดการไหลเวียนอันเนื่องมาจากหลอดเลือดขยายตัวได้ดี ไม่เกิดอาการเหน็บชา หรือเจ็บปวดขณะที่ทำการบำบัด
ก๊าซ CO2 ที่เข้าสู่ร่างกายจะส่งผลให้เส้นเลือดดำและแดงขยายตัว ก๊าซจะแทรกตัวตามเส้นใยพังผืดที่ยึดเกาะระหว่างเซลล์ไขมันและจะค่อยๆสลายให้ เส้นใยนั้นหายไป และเมื่อระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ปริมาณออกซิเจนก็เพิ่มขึ้นด้วยตามลำดับ ส่งผลต่อเนื่องถึงกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolism) ทำให้ขจัดของเสียออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการเกิดกระบวนการย่อยสลายไขมัน (Lipolysis) โดยไขมันที่อยู่ในชั้นใต้ผิวหนังจะถูกนำไปใช้ในการแปรรูปเป็นพลังงานและสลาย ตัวในทันที จากนั้นจึงขจัดออกจากร่างกายทางต่อมน้ำเหลืองและระบบขับถ่ายของร่างกาย สำหรับรอยแผลเป็น เมื่อหลอดเลือดขยายตัวและสามารถหล่อเลี้ยงได้เต็มที่ ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเกิดกระบวนการซ่อมแซมเซลล์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รอยแผลเป็นค่อยๆของ Carbonize ในด้านความปลอดภัยต่อผู้รับการบำบัดรักษา
Carbonize เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อลดปัญหาของเซลลูไลท์หรือไขมันส่วนเกิน และรอยแผลเป็นต่างๆ ซึ่งวิธีการบำบัดด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้ เป็นวิธีการที่แพร่หลายมานานกว่า 70 ปี ในประเทศฝรั่งเศส และกว่า 25 ปี ในประเทศอิตาลี จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากประสิทธิภาพที่ชัดเจน และความทันสมัยของ Carbonize ในด้านความปลอดภัยต่อผู้รับการบำบัดรักษา
ประโยชน์ของการบำบัดด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
กระตุ้นการไหลเวียนของเหลวภายในร่างกาย
ช่วยขยายหลอดเลือด
สลายไขมัน
ขจัดเซลลูไลท์
1. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในร่างกายได้อย่างไร?
Carboxytherapy จะทำการนำพาก๊าซ CO2 เข้าสู่ร่างกาย โดยการใช้เข็มเบอร์ 30G หรือเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.3 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ต้องกลัวเรื่องความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นเลย
2. ความเจ็บปวดขณะที่ได้รับการรักษาด้วยเครื่อง Carbonize?
Carbonize เป็นเครื่องเดียวที่สามารถปรับค่า PD ได้ โดยค่านี้จะแปรผันโดยตรงกับระดับความรู้สึกเจ็บปวด สามารถปรับค่านี้ให้เหมาะสมตามความรู้สึกของแต่ละบุคคลได้ การปรับค่า PD สูงๆ จะส่งผลดีต่อการรักษา เพราะก๊าซสามารถแพร่กระจายและแทรกซึมเข้าไปได้ในบริเวณที่ลึกและกว้างกว่า แต่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้บ้าง ภายหลังที่ได้รับการรักษาไปแล้วระยะหนึ่ง ชั้นไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังจะลดน้อยและบางลง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องปล่อยก๊าซลงลึกและกว้างเท่าครั้งแรกๆของการรักษา
3. เห็นผลการรักษาได้เมื่อไร?
ร้อยละ 50 ของผู้ที่รับการรักษา สามารถเห็นผลของการรักษาได้ ภายใน 24 48 ชั่วโมง และจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในการรักษาครั้งที่ 3 และเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 30 ครั้ง หรือประเมินจำนวนครั้งของการรักษาจากความพึงพอใจของผู้รับการรักษาก็ได้
4. มีอันตรายหรือไม่?
ไม่มีอันตราย เนื่องจาก Carbonize มีตัวควบคุมแรงดันของก๊าซเมื่อลงสู่ชั้นผิว (PD-Safety) โดยจะไม่ทำให้เกิดแรงดันของก๊าซมากจนเกินไป อีกทั้งยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Control) เพื่อให้ก๊าซ CO2 ที่ผ่านลงสู่ชั้นผิวมีระดับอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น จึงไม่เกิดอาการเหน็บชา หรือปวดขณะที่ทำการรักษา
5. ก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ที่ใช้มีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่?
ก๊าซ CO2 ที่ใช้ เป็น Food Grade เช่นเดียวกับก๊าซ CO2 ที่ผสมอยู่ในน้ำอัดลม จึงมีความปลอดภัยสูงมาก อีกทั้งการรักษาด้วยวิธีนี้จะไม่ก่อพิษต่อร่างกาย เนื่องจากก๊าซ CO2 จะเกิดขึ้นภายหลังจากกระบวนการสันดาปของร่างกายอยู่แล้ว และร่างกายมีกลไกในการกำจัดออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ วิธีการรักษานี้เพียงแต่ไปเพิ่มปริมาณก๊าซ CO2 ให้มากขึ้น เพื่อเร่งกระบวนการขจัดของเสียให้เป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ถือว่าก๊าซ CO2 เป็นสิ่งแปลกปลอมหรือผิดปกติต่อร่างกายแต่อย่างใด
Carboxytherapy
1. ไม่ใช่การผ่าตัด ใช้เข็มขนาดเพียง 1 มม. เป็นตัวนำก๊าซลงไปสลายไขมันใต้ผิวหนัง
2. เซลล์ไขมันจะถูกสลายด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เพิ่ม Metabolism ไขมันจะถูกขับออกมาโดยขบวนการขับถ่ายตามธรรมชาติของร่างกาย
3. ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น คุณสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ ผลข้างเคียงอาจมีรอยเขียวช้ำได้บ้างเล็กน้อย
4. ควรเข้ารับการรักษาหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน (10-20ครั้ง) โดยเริ่มเห็นผลประมาณครั้งที่3-4